“ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ศึกแดงเดือดครั้งที่ 245 — พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
การพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักเป็นแมตช์ไฮไลต์เสมอ แม้ช่วงหลังทั้งสองทีมจะไม่ได้เบียดแย่งท็อปโฟร์เหมือนในอดีตก็ตาม แต่ศึกวันอาทิตย์นี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยความร้อนแรงเหมือนเดิม
แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม กำลังต้องการโชว์ให้เห็นว่าทีมกำลังเดินมาถูกทาง หลังพักเบรกทีมชาติด้วยชัยชนะ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ต้องการหยุดสถิติแพ้ 3 นัดรวดในทุกรายการ การได้กลับมาเล่นที่ แอนฟิลด์ ถือเป็นสัญญาณดี เพราะความพ่ายแพ้ทั้งหมดเกิดขึ้นนอกบ้าน
วิธีรับชมการถ่ายทอดสด
วัน-เวลาแข่ง: วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม เวลา 11:30 น. (ตามเวลา ET)
สนาม: แอนฟิลด์ – เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ
ถ่ายทอดสดทาง: ช่อง USA
สตรีมมิ่ง: Fubo (ทดลองใช้ฟรี)
อัตราต่อรอง: ลิเวอร์พูล -15 | เสมอ +350 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด +420
ประเด็นน่าจับตา
1. ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ จะได้ออกสตาร์ทหรือไม่?
ไม่ใช่เรื่องลับเลยว่า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยังปรับตัวกับทีมใหม่ได้ไม่ดีนัก เกมที่พ่ายเชลซี เขาเริ่มต้นบนม้านั่งสำรอง แต่พอถูกส่งลงครึ่งหลัง กลับเป็นช่วงเวลาที่เขาเล่นได้โดดเด่นที่สุดในเกม แม้ไม่มีแอสซิสต์ แต่จังหวะประสานงานกับ โคดี้ กัคโป และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นั้นน่าประทับใจ
การได้เล่นในบ้านเจอทีมที่ฟอร์มยังไม่นิ่งอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด อาจเป็นโอกาสดีที่กุนซือ อาร์เน่ สล็อต จะลองให้เวียร์ตซ์คืนตัวจริงอีกครั้ง เพราะหากเขาเรียกฟอร์มได้ ลิเวอร์พูลจะยกระดับเกมรุกขึ้นไปอีกขั้น
2. อาหมัด ดิยัลโล่ – กุญแจสำคัญของปีศาจแดง
แม้จะมีเพียง 1 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ แต่ทุกครั้งที่ ดิยัลโล่ ได้ออกสตาร์ท แมนฯ ยูไนเต็ด มักคว้าชัยได้เสมอ หลังจากฤดูกาลก่อนเขาแจ้งเกิดภายใต้การคุมทีมของอาโมริม ฤดูกาลนี้การเข้ามาของ เอ็มเบอโม่ และ คุนญ่า ทำให้เขาต้องแย่งตำแหน่งมากขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดคือ ดิยัลโล่ คือความสร้างสรรค์ที่ทีมขาด หลังจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่มีคนช่วยสร้างสรรค์เกมมากนัก เกมชนะซันเดอร์แลนด์ล่าสุด อาโมริมเลือกถอดคุนญ่าออกเพื่อให้ดิยัลโล่เล่นสูงขึ้น — และนั่นอาจเป็นกุญแจสำคัญหากยูไนเต็ดต้องการคว้าชัยที่แอนฟิลด์
3. อเล็กซานเดอร์ อิซัค หายไปไหน?
ทั้งลิเวอร์พูลและทีมชาติสวีเดนต่างตั้งคำถามเดียวกัน ฟอร์มของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ดูตกไปมากหลังผ่านช่วงย้ายทีมที่วุ่นวายในซัมเมอร์ ปัจจุบันเขายิงได้เพียง 1 ประตูและทำ 1 แอสซิสต์จาก 6 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งไม่สมกับค่าตัวกว่า 100 ล้านปอนด์ที่สโมสรจ่ายไป
แม้ยังอยู่ในช่วงต้นฤดูกาล แต่หากอิซัคไม่สามารถกลับมาอยู่ในฟอร์มระดับที่เคยยิง 24 ประตูในพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูลอาจหมดโอกาสลุ้นความสำเร็จตามเป้าหมายได้
